เครื่องซักผ้าไฟเข้าปกติ มอเตอร์ไม่หมุน อาจเกิดจากคาปาซิเตอร์เสียหรือเสื่อมสภาพ มีวิธีเช็คเบื้องต้นอย่างไรบ้าง

Facebook
Twitter
Email
เครื่องซักผ้าไฟเข้าปกติ มอเตอร์ไม่หมุน อาจเกิดจากคาปาซิเตอร์เสียหรือเสื่อมสภาพ มีวิธีเช็คเบื้องต้นอย่างไรบ้าง

เครื่องซักผ้าเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา ช่วยให้การซักผ้าเป็นเรื่องที่สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้ไปนาน ๆ เครื่องซักผ้าอาจเกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้นได้ หนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยคือเมื่อเครื่องซักผ้ามีไฟเข้าปกติ แต่ตัวมอเตอร์ที่หมุนถังซักไม่ทำงาน ปัญหานี้อาจมีสาเหตุหลายประการ และหนึ่งในสาเหตุหลักที่พบได้คือ คาปาซิเตอร์ (Capacitor) เสื่อมหรือเสีย

คาปาซิเตอร์ในเครื่องซักผ้าคืออะไร?

คาปาซิเตอร์เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทำหน้าที่ในการเก็บและปล่อยกระแสไฟฟ้าในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้มอเตอร์เครื่องซักผ้าสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในเครื่องซักผ้า คาปาซิเตอร์ทำหน้าที่ในการช่วยเพิ่มแรงบิด (torque) ให้กับมอเตอร์เมื่อเริ่มหมุน ทำให้ถังซักสามารถหมุนได้อย่างราบรื่น ถ้าคาปาซิเตอร์เสียหรือเสื่อมสภาพ มอเตอร์อาจไม่สามารถเริ่มทำงานได้ตามปกติ

อาการที่บ่งบอกว่าคาปาซิเตอร์เครื่องซักผ้าอาจเสื่อมสภาพหรือเสีย

หากคาปาซิเตอร์ในเครื่องซักผ้าเสื่อมหรือเสีย จะมีสัญญาณและอาการที่บ่งบอกได้หลายประการ ดังนี้:

  1. มอเตอร์ไม่หมุนหรือหมุนช้า : หากเครื่องซักผ้าเปิดเครื่องและมีไฟเข้าปกติ แต่ถังซักไม่หมุน หรือหมุนช้ามาก อาจเป็นเพราะคาปาซิเตอร์ไม่สามารถเก็บและปล่อยกระแสไฟฟ้าเพื่อเริ่มหมุนมอเตอร์ได้อย่างเต็มที่
  2. ได้ยินเสียงหึ่งจากมอเตอร์แต่ถังซักไม่หมุน : หากเปิดเครื่องแล้วได้ยินเสียงหึ่งจากมอเตอร์ แต่ถังซักไม่หมุน นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่ามอเตอร์พยายามทำงานแต่ไม่ได้รับแรงบิดจากคาปาซิเตอร์เพียงพอ
  3. เครื่องซักผ้าเริ่มหมุนเมื่อมีการดันด้วยมือ : หากลองหมุนถังซักด้วยมือแล้วเครื่องสามารถหมุนได้ นี่อาจเป็นสัญญาณว่าคาปาซิเตอร์ไม่สามารถเริ่มต้นมอเตอร์ได้ แต่เมื่อมีการช่วยหมุน มอเตอร์สามารถทำงานต่อได้
  4. กลิ่นไหม้หรือกลิ่นผิดปกติ : คาปาซิเตอร์ที่เสียอาจเกิดการลัดวงจรภายใน ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงและทำให้มีกลิ่นไหม้หรือกลิ่นแปลก ๆ ออกมาจากตัวเครื่อง
  5. เครื่องหยุดทำงานกลางคัน : หากเครื่องซักผ้าทำงานไปได้สักพักแล้วหยุดทำงานกลางคัน นี่อาจเป็นอีกสัญญาณหนึ่งของคาปาซิเตอร์ที่เสื่อมหรือทำงานผิดพลาด

วิธีเช็คเบื้องต้นว่าคาปาซิเตอร์ในเครื่องซักผ้าเสียหรือไม่

ก่อนที่จะตัดสินใจเรียกช่างซ่อมหรือซื้อคาปาซิเตอร์ใหม่ สามารถทำการตรวจเช็คเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้:

1. ปิดเครื่องและถอดปลั๊กออก

ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ก่อนที่จะตรวจสอบหรือซ่อมแซมเครื่องซักผ้าใด ๆ ให้แน่ใจว่าได้ถอดปลั๊กเครื่องออกจากแหล่งจ่ายไฟเพื่อป้องกันการเกิดอันตรายจากไฟฟ้า

2. เปิดฝาครอบเครื่องซักผ้า

คาปาซิเตอร์มักจะติดตั้งอยู่ภายในตัวเครื่องซักผ้าใกล้กับมอเตอร์ การเปิดฝาครอบเครื่องซักผ้าอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อของเครื่อง แต่ส่วนมากจะต้องใช้ไขควงเพื่อเปิดสกรูที่ยึดฝาครอบอยู่

3. ตรวจสอบสภาพภายนอกของคาปาซิเตอร์

เมื่อเจอคาปาซิเตอร์ ให้ตรวจสอบสภาพภายนอกของมัน หากพบว่าคาปาซิเตอร์มีรอยบวม แตก หรือมีร่องรอยของการรั่วซึม นี่เป็นสัญญาณชัดเจนว่าคาปาซิเตอร์เสียและจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่

4. ใช้มัลติมิเตอร์วัดค่า

หากภายนอกของคาปาซิเตอร์ดูปกติ แต่ยังสงสัยว่าคาปาซิเตอร์อาจเสื่อม สามารถใช้ มัลติมิเตอร์ (Multimeter) เพื่อวัดค่าความจุไฟฟ้าของคาปาซิเตอร์ได้ วิธีการใช้มัลติมิเตอร์เพื่อตรวจสอบคาปาซิเตอร์มีดังนี้:

  • ตั้งมัลติมิเตอร์ไปที่โหมดวัดค่า ความจุไฟฟ้า (Capacitance) ซึ่งมักจะแสดงเป็นสัญลักษณ์ “F”
  • ถอดสายไฟออกจากคาปาซิเตอร์
  • ใช้สายของมัลติมิเตอร์แตะที่ขั้วของคาปาซิเตอร์ (ขั้วบวกและขั้วลบ)
  • ดูค่าที่แสดงบนหน้าจอมัลติมิเตอร์ ค่าที่ได้ควรใกล้เคียงกับค่าที่ระบุบนตัวคาปาซิเตอร์ หากค่าที่แสดงแตกต่างมากหรือไม่แสดงค่าเลย แสดงว่าคาปาซิเตอร์เสียหรือเสื่อมสภาพ

5. ทดสอบการทำงานของมอเตอร์

หลังจากตรวจเช็คคาปาซิเตอร์แล้ว หากพบว่าคาปาซิเตอร์เสีย อาจลองทดสอบการทำงานของมอเตอร์โดยไม่ใช้คาปาซิเตอร์เพื่อดูว่ามอเตอร์ยังทำงานได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม การทดสอบนี้ควรทำอย่างระมัดระวังหรือควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญดำเนินการ

วิธีการเปลี่ยนคาปาซิเตอร์ในเครื่องซักผ้า

หากตรวจพบว่าคาปาซิเตอร์เสียหรือเสื่อมสภาพและต้องการเปลี่ยน สามารถทำตามขั้นตอนการเปลี่ยนคาปาซิเตอร์ดังนี้:

  1. หาคาปาซิเตอร์ทดแทน ตรวจสอบข้อมูลบนตัวคาปาซิเตอร์เก่าเพื่อหาค่าความจุไฟฟ้า (เช่น 16 μF, 25 μF เป็นต้น) และค่าแรงดันไฟฟ้าที่เหมาะสม ควรหาคาปาซิเตอร์ที่มีค่าตรงหรือใกล้เคียงกัน
  2. ถอดคาปาซิเตอร์เก่าออก ใช้ไขควงหรือเครื่องมืออื่น ๆ ในการถอดสายไฟที่เชื่อมต่อกับคาปาซิเตอร์เก่าออก โดยทำเครื่องหมายที่ขั้วบวกและขั้วลบเพื่อให้แน่ใจว่าจะติดตั้งสายไฟกลับไปถูกขั้ว
  3. ติดตั้งคาปาซิเตอร์ใหม่ หลังจากถอดคาปาซิเตอร์เก่าออกแล้ว ให้นำคาปาซิเตอร์ใหม่มาติดตั้งเข้าที่เดิมและเชื่อมต่อสายไฟกลับเข้ากับขั้วบวกและขั้วลบตามที่ทำเครื่องหมายไว้
  4. ปิดฝาครอบและทดลองใช้งาน เมื่อเปลี่ยนคาปาซิเตอร์เสร็จแล้ว ปิดฝาครอบเครื่องซักผ้าและลองเปิดเครื่องทดสอบดูว่ามอเตอร์สามารถหมุนได้ปกติหรือไม่ หากทุกอย่างทำงานตามปกติ แสดงว่าคาปาซิเตอร์ใหม่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์

คาปาซิเตอร์ในเครื่องซักผ้ามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้มอเตอร์หมุนได้อย่างราบรื่น หากคาปาซิเตอร์เสื่อมหรือเสีย จะทำให้มอเตอร์ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากอาการต่าง ๆ เช่น มอเตอร์ไม่หมุน, เสียงหึ่งจากมอเตอร์, หรือต้องหมุนถังด้วยมือ การตรวจสอบเบื้องต้นสามารถทำได้โดยการสังเกตภายนอกของคาปาซิเตอร์ หรือใช้มัลติมิเตอร์วัดค่าความจุไฟฟ้า หากพบว่าคาปาซิเตอร์เสีย ควรเปลี่ยนใหม่ตามขั้นตอนที่แนะนำ ทั้งนี้ หากไม่มั่นใจในขั้นตอนการซ่อมแซม ควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันความเสียหายและความปลอดภัย

Facebook
Twitter
Email
Picture of PKT Pocket

PKT Pocket

บทความที่น่าสนใจ

PKT LINE QR Code
(มี @ นำหน้าด้วยนะคะ)